The Adam Project : ย้อนเวลาหาอดัม ถ้าหากเราพูดถึงภาพยนตร์ที่สร้างโดย Netflix เราหลาย ๆ คนคงเคยเจอกับหนังที่จบแบบไม่รู้เรื่อง จบแบบต้องมีภาคต่อภาคแยก หรือแม้กระทั่งเป็นหนังที่ดูแล้วเราแทบไม่ได้อะไรจากมันเลยก็มีแต่สำหรับเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ในระบบสตรีมมิ่งที่ประสิทธิภาพเทียบชั้นได้กับภาพยนตร์ที่เข้าโรงทุนสร้างสูงเลยทีเดียว เพราะด้วยแนวคิดในการสร้างหนังแบบบล็อกบัสเตอร์ เราจึงได้เห็นผลงานที่เปี่ยมไปด้วยความสนุก เนื้อหาเข้าใจง่ายที่เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัยจริง ๆ
เป็นการเล่าเรื่องแบบที่เด็กก็ไม่งงเลยถ้าจะให้เข้าใจง่าย ๆ ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเล่าถึงการย้อนเวลาแต่การเล่าถือว่าลำดับเหตุการณ์ได้ดี ในช่วงตอนที่ปูประวัติตัวละครทำได้ไม่ลึกมากเราจึงรู้จักตัวละครครบทั้ง ผู้ร้าย ตัวเอก ได้อย่างรวดเร็วภายใน 5-10 นาทีแรกของหนัง แต่แอบติดนึดนึงที่ว่าประวัติของตัวร้ายกับเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่โตในเรื่อง ยังไม่ค่อยสมเหตุสมผลและเชื่อสักเท่าไหร่ ว่ามันจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ? แต่ก็พอที่จะเข้าใจได้ว่าภาพยนตร์มีเวลาเล่าได้น้อยกว่าซีรี่ย์การดำเนินเรื่องจึงต้องรวบรัดตัดตอน เหตุผลอะไรที่ทิ้งได้ก็อย่าไปสนใจมันการผูกปมด้านความรู้สึกในใจของตัวละครก็ทำได้น่าสนใจ และชวนติดตามว่าถ้าแก้ได้จะเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่การดำเนินเรื่องไปจนถึงช่วงกลางเรื่องถือว่าสนุก ลุ้น และน่าติดตามตลอดทุกวินาที เพราะระหว่างดูเราจะตื่นเต้นกับสิ่งต่างๆ ที่ตัวละครเอกของเราทำ และในสมองของเราก็จะคิดไปเองตลอดเวลาเลยว่าทำแบบนี้มันได้ด้วยหรอ เวลาอดีตเปลี่ยนแปลงไปอนาคตก็ต้องเปลี่ยนด้วยสิ ความสาเหตุสมผลอยู่ตรงไหน? ในช่วงกลางเรื่องนี้จะเป็นช่วงที่หนังเริ่มเข้าสู่ฉากแอ๊กชั่นแบบจริงจัง ฉากนี้เราจะได้เจอกับตัวละครลับที่เปิดตัวได้อย่างดุดันและสวยงาม ส่วนในช่วงทัายเมื่อรู้ความจริงมาพอสมควรว่าจะต้องแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไร การหักมุมก็จะเกิดขึ้นซึ่งเรื่องนี้ทำได้ดี แต่ต้องขอบอกว่าเกือบคาดเดาไม่ได้ แต่ก็ยังเดาได้ เป็นตอบจบที่ผมว่าเราทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าจบไปในทิศทางไหน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ จบได้แบบเคลียร์ซาบซึ้ง และจบแบบสวยงามอย่างแน่นอน